ต้นอ้อ-อี้ พาเหยื่อ ดิไอคอน แจ้งความเพิ่ม เผยมีอีกนับพันราย ผู้เสียหายเปิดใจ ลงทุนเจ๊ง3ล้าน… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่

ต้นอ้อ-อี้ พาเหยื่อ ดิไอคอน แจ้งความเพิ่ม เผยมีอีกนับพันราย ผู้เสียหายเปิดใจ ลงทุนเจ๊ง3ล้าน… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

ต้นอ้อ-อี้ พาเหยื่อ ดิไอคอน แจ้งความเพิ่ม เผยมีอีกนับพันราย ผู้เสียหายเปิดใจ ลงทุนเจ๊ง3ล้าน


ต้นอ้อ-อี้ พาเหยื่อ ดิไอคอน แจ้งความเพิ่ม เผยมีอีกนับพันราย ผู้เสียหายเปิดใจ ลงทุนเจ๊ง3ล้าน ต้องเอาสินค้าไปบริจาค เครียดหนักจนตัดสินใจสลด-ต้องกินยานอนหลับทุกคืน

วันที่ 14 ต.ค. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ พาผู้เสียหายกว่า 40 คน ที่ร่วมลงทุนกับ “ดิไอคอนกรุ๊ป” เดินทางเข้ามาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางบริษัท

นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนเองและน.ส.ชลิดา รวบรวมผู้เสียหายได้กว่า 1,000 ราย ซึ่งจะทยอยพาเข้ามาพบตำรวจ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นดีลเลอร์ บางคนเสียหายถึง 4 ล้านบาท บางคนก็เป็นแม่บ้านที่รวบรวมเงินมาทั้งชีวิตหวังจะต่อยอดเงิน สุดท้ายไม่ได้อะไรกลับมาเลยจนคิดสั้น เกือบจะฆ่าตัวตาย แต่นึกถึงลูกเลยไม่ทำ

ด้าน น.ส.ทิพย์ (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง) หนึ่งในผู้เสียหายที่เสียเงินไปกว่า 3 ล้านบาท บอกว่า ตัวเองรู้จักกับดิไอคอน ผ่านน้องที่สนิทกันที่แนะนำให้รู้จักกับบอสพอล และมีการชักชวนให้ตนเป็นนายทุน ให้สต๊อกของไว้ให้ 3 เดือน โดยบอกว่าจะคืนทุน ซึ่งตอนแรกตนเองไม่ได้สนใจ แต่เห็นแก่รุ่นน้องที่สนิทจึงร่วมลงทุน

น.ส.ทิพย์ กล่าวอีกว่า ขณะนั้นทางบอสพอลเองก็บอกว่า ตนไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวจะหาคนมาซื้อเอง ซึ่งตนก็ตกลงไป สุดท้ายจ่ายเงินไปสองเดือนแรกไม่ได้กำไร ไม่เห็นจะมีใครมาซื้อ ยิ่งระยะหลังก็ให้ตนมาช่วยขาย สุดท้ายบอสพอลจะรับซื้อสินค้าที่สต๊อกคืน จากที่ตนสต๊อกไว้ 100 ลัง แต่ซื้อคืนเพียงไม่กี่ลัง และที่เหลือให้ตนไปหาขายเอง สุดท้ายอย่าว่าแต่กำไร แค่ทุนก็ยังไม่ได้คืน และตนต้องเอาของไปบริจาคตามที่ต่างๆแทน

ต้นอ้อ-อี้ พาเหยื่อ ดิไอคอน แจ้งความเพิ่ม เผยมีอีกนับพันราย ผู้เสียหายเปิดใจ ลงทุนเจ๊ง3ล้าน

ด้านนายไมเคิล (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง) ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า ตนเองลงทุนไปหลักล้านบ้านเช่นกัน และตั้งใจทำงานให้บริษัท ไปหมดทั้งเหนือใต้ออกตก ตนเองรู้ข้อมูลรายละเอียดมากกว่าคนอื่นในระดับหนึ่ง และเคยสู้เรื่องนี้มาตลอดถึงขั้นไปไลฟ์สดที่หน้าบริษัทดิไอคอน แต่ รปภ. ไม่ให้เข้า จากนั้นจึงรวบรวมพยานหลักฐานเดินทางไปที่ สน.บางเขน เพื่อจะแจ้งความกับทางบริษัท แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ รวมถึงไม่รับลงบันทึกประจำวัน อ้างว่าพยานหลักฐานไม่ชัดเจน

นายไมเคิล เปิดเผยอีกว่า หลังจากตนเองออกมาแสดงตัวต่อสู้กับทางบริษัท ก็มีตำรวจเข้าไปค้นบ้านตนเองที่ จ.เชียงราย ในขณะที่ตนเองไม่อยู่ ซึ่งเป็นการเข้ามาค้นหาอาวุธ เนื่องจากตนเองโพสต์ปะทะคารมกับทางบริษัท แต่หลังจากนั้นตนก็ได้มีการเข้าไปพบกับทางตำรวจเพื่อไปนั่งคุยเจรจา

เจ้าหน้าที่ได้ทำการตักเตือนเกี่ยวกับการโพสต์คลิปวิดีโอหรือข้อความข่มขู่ และแนะนำให้ตนไปใช้สิทธิ์ดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว นอกจากนี้ตนยังได้พบรูปหน้าของตัวเองไปแปะอยู่ที่หน้าทางเข้า-ออกบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ทำให้ตนถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายไปโดยปริยาย

ต้นอ้อ-อี้ พาเหยื่อ ดิไอคอน แจ้งความเพิ่ม เผยมีอีกนับพันราย ผู้เสียหายเปิดใจ ลงทุนเจ๊ง3ล้าน

ด้านนางราตรี (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง) ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า ตนเองเป็นแม่บ้าน เก็บเงินรายได้วันละ 300 บาทมาเป็นเวลา 19 ปี จนสุดท้ายได้เงินก้อนมา หวังจะปลูกบ้านให้ลูก ปรากฎว่าขณะนั้น มีคนมาชักชวนลงทุนกับ “ดิไอคอน” พอดี โดยตอนแรกชวนให้ลงทุน 2,500 บาท แต่ต่อมาชักชวนเป็น 250,000 บาท เพื่อจะได้รหัสสมาชิก สืบทอดเป็นมรดกให้ลูกหลาน

ตนเองก็ลงเงินไป เพราะหวังจะต่อยอดเงินที่มีอยู่ โดยภายหลังจากลงเงินไปแล้วก็ยังไม่ได้ของ ต้องไปอบรมก่อน เมื่อเริ่มตั้งคำถามก็ถูกเบรกว่า “ไม่ต้องถามมาก ไม่ต้องพูดมาก” พอตั้งคำถามได้แค่ 15 วันก็ถูกดีดออกจากไลน์กลุ่ม โดยที่ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย

หลังจากเกิดเรื่องตนเครียดมากจนเคยคิดอยากจะกระโดดตึกตายให้เห็นเป็นตัวอย่าง สุดท้ายคิดถึงลูกไม่ได้ทำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้เครียดลงกระเพาะ ทุกวันนี้ยังต้องกินยากระเพาะ ยานอนหลับ และยาระงับอารมณ์ฉุนเฉียว

ด้าน น.ส.แป้ง (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อดีตแม่ข่าย เปิดเผยว่า ตนเองรับรู้ถึงความผิดปกติของบริษัทนี้มากว่าหนึ่งปีแล้ว จึงตัดสินใจถอนตัวออกมาเงียบๆ จนกระทั่งเรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นและมีผู้เสียหายจำนวนมาก ก็เลยกลายมาเป็นคนรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหาย ขณะที่ตาทำงาน มีบอสหลายคนที่ช่วยดำเนินธุรกิจภายใต้ทิศทางของบริษัท แต่ตนไม่ทันช่วงที่บอสกันต์ บอสแซม และบอสมิน เข้ามา ทำให้ไม่มีข้อมูลมากนัก แต่เชื่อว่าสุดท้ายความจริงจะถูกพิสูจน์

น.ส.ชลิดา หรือต้นอ้อ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากที่เข้ามาร้องเรียนกับเธอกว่า 1,500 คน มีการลงระบบแล้วประมาณ 300 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายบางคนมาบอกว่าตำรวจท้องที่ไม่รับแจ้งความแล้วให้มาแจ้งที่กองปราบเท่านั้น ทำให้คนต่างจังหวัดหลายคนเกิดความกังวลกลัวคดีจะไม่คืบ จึงฝากผ่านสื่อว่าขณะนี้ผบ.ตร. สั่งการมาแล้วว่าให้ผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ของตนเองได้

ทั้งนี้ฝากถึงแบงก์ชาติด้วย เนื่องจากมีกรณีที่ผู้เสียหายไปขอสเตทเม้นท์และต้องเสียเงินจำนวน 1,000 บาท อยากให้ผู้บริหารหารือช่วยเหลือผู้เสียหายในการงดค่าใช้จ่ายส่วนนี้… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9458322

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *